Sunday, August 30, 2009

Skirt,Legging = Men

ถ้าเราทำมายแมพสมมุติได้หัวข้อ " Skirt กับ legging" พวกเราคงจะโยงเส้นมาแล้วเขียนว่าผู้หญิงใช่ไหม ทุกคนคงจะคิดว่า skirt กับ legging คงจะเป็นของเอาไว้สวมใส่เฉพาะผู้หญิงคงไม่มีใครเขียนว่าผู้ชายใส่เพราะคงไม่มีผู้ชายที่ไหนคิดจะใส่มัน ในวันนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาดูร้านเสื้อออนไลน์เว็บนู๊นนี้ไปเรื่อยไปเจอสองสามเว็บที่อยู่ดีๆก็ออกแบบกระโปรงกับ legging สำหรับผู้ชายซะงั้นร้านนี้ขายเสื้อผ้าชายล้วนนะขอบอกไม่มีของผู้หญิง ดูๆไปก็แปลกดีนะเดี๋ยวนี้อยู่ดีๆผู้ชายก็ดันเอาเสื้อผ้าผู้หญิงมาใส่แทนทำไมเขากล้าออกแบบอะไรที่มันดูกลับตาลปัตรขนาดนี้ดูคนละขั้วกันเลย เหมือนกับเราทำมายแมพคำว่า เค็ม แต่ดันเขียนโยงไปที่ น้ำตาล ไรประมาณนั้นมันอาจจะเป็นเพราะว่าเขาอาจจะเห็นแต่รูปแบบเดิมๆของเสื้อผ้าผู้ชายมั้งเลยคิดที่จะลองออกแบบไรใหม่ๆให้มันแหวกแนวไปเลยหลุดจากที่เป็นอยู่ ทำขายทีก็ซื้อได้ทั้งชายทั้งหญิงเหมือนเป็น line เสื้อผ้าแบบ unisex บางทีการคิดให้มันหลุดจากกรอบเดิมมันก็ช่วยให้เกิดสิ่งใหม่ๆได้เหมือนกันนะ แต่ถ้ามันหลุดจากสิ่งเดิมมากเกินไปก็คงต้องใช่เวลามากเลยทีเดียวที่จะอธิบายสิ่งนั้นให้คนเข้าใจ ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆ Skirt,Legging เท่ากับ ผู้ชาย เป็นไปได้ด้วยหรอ

แต่เราคิดว่าแบบนี้ทำขายได้เฉพาะในเว็บไซต์คงจะดีที่สุดละมั้งเพราะมันมีรูปนายแบบใส่ให้ดูคนดูก็จะได้รู้ว่าของผู้ชาย ถ้าทำขายตามร้านจริงเอาไปแขวนตามราวใครจะไปรู้ว่าของผู้ชายถึงจะเอาใส่หุ่นโชว์ก็เหอะเราก็ไม่คิดว่ามันเป็นของผู้ชายอยู่ดี คงคิดว่าร้านนี้มันใส่หุ่นผิดตัวและอีกอย่างจะมีผู้ชายสักกี่คนที่กล้าหยิบกระโปรงกับ legging ไปลองใส่ในร้านก็คงต้องมีอายกันบ้างแหละ เหมือนกับการทำงานออกแบบของเราถ้าเราทำแล้วเลือกสื่อที่ดีในการอธิบายงานของเราคนก็จะเข้าใจสารที่เราจะสื่อ ถ้าเราเลือกสื่อที่ผิดคนที่ดูงานเราก็อาจได้รับสารที่ผิดเช่นเดียวกัน

Saturday, August 29, 2009

คมชัดลึก

ปกติิเราจะอ่านหนังสือพิมพ์คมชัดลึกเกือบทุกวันเพราะที่บ้านสมัครสมาชิก อ่านดูผ่านๆถ้าสนใจเรื่องไหนค่อยเปิดอ่านเรื่องที่สนใจอีกที คนที่อ่านคมชัดลึกบ่อยๆ เคยสังเกตุบ้างไหมว่า layout การจัดวางของหน้าแรกหนังสือพิมพ์มันเปลี่ยนไป เรารู้สึกมานานแล้วหละเกือบปีแต่พึ่งมาเขียนแต่ก่อนหนังสือพิมพ์มันก็จะจัดวางแบบมีรูปภาพสี่เหลี่ยมแล้วก็บล็อคข้อความขนาดปกติเหมือนที่หนังสือพิมพ์ทั่วไปทำใช่ไหม เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าหนังสือพิมพ์มันจะใช้รูปค่อนข้างใหญ่กว่าเดิมมากแบบว่ารูปเดียวแถบจะปาไปครึ่งนึงของหน้ากระดาษหรือไม่ก็ไดคัทรูปซะใหญ่เบอเร่อเอามาแปปไว้แล้วเนื้อหาข่าวที่อยู่หน้าแรกก็รู้สึกว่าจะน้อยลงกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเขาขี้เกียจหรือเกิดอะไรขึ้นถึงเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้จะว่าข่าวเดี๋ยวนี้น้อยลงก็ไม่น่าจะใช่ บางทีการพาดแค่ข้อความใหญ่ๆสำหรับหนังสือพิมพ์ที่เป็นแพทเทิร์นแบบเดิมๆอาจจะไม่พอที่จะ impact คนแล้วเลยต้องเพิ่มรูปใหญ่ๆเข้าไปด้วยเพื่อให้คนเกิดความสนใจก็เป็นไปได้แต่ไม่รู้ว่าใช่ไหมแค่ลองคิดเล่นๆดู

Monday, August 24, 2009

โฆษณาของ TAT

ตอนนี้เมืองไทยมีการโปรโมทโครงการท่องเที่ยวของประเทศไทย Tourism Authority of Thailand (TAT)โดยใช้ศิลปินไทยที่ไปดังในเกาหลีคนหนึ่งคือ นิชคุณ โดยโฆษณานี้จะเอาไว้โปรโมทการท่องเที่ยวไทยในประเทศเราเองและประเทศอื่นแต่ไม่รู้ว่าประเทศไหนบ้าง ความรู้สึกของเรานะเราว่ารัฐบาลคิดผิดอะที่เลือกเขาคนนี้มาโปรโมทการท่องเที่ยวของไทย ลองคิดดูนะว่าภาพลักษณ์ของศิลปินคนนี้ทุกคนไม่ว่าประเทศไหนก็รู้อยู่ว่าเป็นศิลปินเกาหลีถึงจะเป็นคนไทยก็เหอะประเทศอื่นเขาก็รู้จักนิชคุณก็เพราะเป็นศิลปินประเทศเกาหลีถามว่า อินโด ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน หรือประเทศไหนก็ตามถ้าดูโฆษณานี้ผ่านๆรู้ไหมว่าท่องเที่ยวประเทศอะไรเราว่าเขาก็ต้องคิดว่าเป็นเกาหลีแน่นอนเพราะเห็นนิชคุณอยู่ในโฆษณากลายเป็นเกาหลีได้ประโยชน์แทน หรือไม่ประเทศอื่นอาจจะสงสัยว่าทำไมโฆษณาการท่องเที่ยวไทยแต่ไปเอาศิลปินเกาหลีมาเป็นพรีเซนเตอร์จะมีสักกี่ประเทศกันที่รู้ว่าศิลปินคนนี้คือคนไทยก็มีแต่คนไทยด้วยกันเท่านั้นแหละที่รู้คนประเทศอื่นเขาไม่สนใจหรอกขนาดศิลปินในประเทศเราที่เป็นลูกครึ่งบางคนออกมาหลายอัลบัมแล้วเรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นลูกครึ่งอะไรถูกไหม เราคิดว่าทำไมไม่เอาศิลปินในประเทศที่มีผลงานในประเทศด้วยมาโปรโมทแทนจะได้โปรโมทศิลปินคนนี้ไปในตัวเพราะการโปรโมทครั้งนี้มีการทำเพลงให้ศิลปินเพื่อร้องประกอบโฆษณาด้วยอย่างเช่น ทาทา ยัง ไหนๆก็ออกอัลบัมใหม่ไปแล้วก็เลือกมาโปรโมทการท่องเที่ยวไทยซะเลยคราวนี้เมืองไทยได้ 2 ต่อซะด้วยซ้ำทุกคนรู้ว่าทาทาเป็นศิลปินในประเทศไทยแถมตอนนี้ก็กำลังออกอัลบัมใหม่โปรโมททีดียวดังทั้งศิลปินดังทั้งประเทศ

Sunday, August 23, 2009

รวมวัฒนธรรม

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ไปกินอาหาญี่ปุ่นที่ zen แถวเซนทรัลพระราม 2 ระหว่างนั่งกินไปก็ฟังเพลงที่เปิดอยู่ในร้านนั้นก็งงๆว่าทำไมร้านอาหารญี่ปุ่นแต่เปิดเพลงเกาหลีในร้านก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อวันศุกร์ที่แล้วก็ได้ไปกินฮะจิบังที่เดียวกันฟังเพลงในร้านมันก็เปิดเพลงเกาหลีในร้านเหมือนกัน พอเย็นๆได้ออกไปปริ๊นงานที่ MBK วันนั้นมันมีงานออดิชั่นไรสักอย่างชื่องาน J-Trends ไรสักอย่างชื่องานก็บอกอยู่แล้วว่า J แสดงว่ามันต้องเกี่ยวไรกับญี่ปุ่นใช่ไหมแต่ก็เห็นมีเด็กไปเต้นเพลงศิลปินเกาหลีในงาน ตอนนี้เริ่มสงสัยแล้วว่า 2 วัฒนธรรมนี้ในประเทศไทย ทั้งเกาหลีกับญี่ปุ่นมันรวมกันเป็นหนึ่งตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆที่ญี่ปุ่นเองบางส่วนค่อนข้างแอนตี้ศิลปินเกาหลีขนาดศิลปินเกาหลีที่ไปออกอัลบัมภาษาญี่ปุ่นเวลาขาย CD ยังถูกเอา CD ไปรวมฝั่งศิลปินต่่างประเทศเลยไม่รวมกับแผง CD ญี่ปุ่นทั้งๆที่เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นค่ายเพลงก็ญี่ปุ่น เกาหลีบางส่วนก็เกลียดญี่ปุ่นเพราะญี่ปุ่นเคยระรานเกาหลีมาก่อนโดยเกาหลีถูกญี่ปุ่นยึดครองตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงขนาดว่าให้เกาหลีเปลี่ยนชื่อประเทศจาก Corea เดิมที่ใช้ตัว C ให้มาใช้ตัว K แทนเนื่องจากญี่ปุ่นเห็นว่าอักษร C ในภาษาอังกฤษมาก่อนตัว J ที่มาจาก Japan เลยบังคับให้เกาหลีเปลี่ยนมาใช้ K ซึ่งตัวอักษร K ในเกาหลีมันอยู่หลัง J นั้นเองเหมือนกำลังพยายามบอกว่าชาตินี้อย่าหวังมาอยู่เหนือตูประมาณนั้น ความชัดเจนของ 2 วัฒนธรรมนี้จริงๆแล้วเราว่ามันค่อนข้างชัดนะแต่บ้านเราทำไมถึงนำมันมารวมกันก็ไม่รู้จนกลายเป็นเรื่องปกติไป

Saturday, August 22, 2009

Barcode

เรารู้สึกอารมณ์เสียมากเมื่อเห็นของที่ร้านค้าชอบติดสติ๊กเกอร์ barcode เอาไว้ที่ตัวของหรือตัวผลิตภัณฑ์นั้นเช่นพวก ปากกา กระดาษ หนังสือ หรืออะไรก็ตาม เพราะเวลาที่เราจะแกะออกมันแกะยากในบางชิ้นและที่สำคัญคือมันชอบมีคราบสติ๊กเกอร์ติดอยู่ด้วยถ้าเราแกะออกไม่ดีพอเช็ดออกก็ยิ่งเละกว่าเดิมอีก คนขายของเขาเคยนึกบ้างหรือเปล่าว่าสิ่งนี้มันเป็นปัญหาสำหรับเราที่จะต้องมานั่งแกะ barcode ออก ตอนเขาติดรู้บ้างไหมว่าทำให้ของมันเสีย แค่อยากบ่นไม่มีอะไร

Friday, August 7, 2009

ถือหนังสือทำไมกัน!

เคยสังเกตุบางไหมในมหาลัยจะมีนักศึกษาบางคนที่ชอบถือหนังสือมาเรียนดูแล้วเหมือนจะปกตินะถ้าถือเล่มเดียวอาจเป็นเพราะว่าเขาเรียนแค่วิชาเดียวขี้เกียจถือกระเป๋ามามันเกะกะ แต่ที่เขียนในครั้งนี้คือเราเห็นอยู่บ่อยๆพวกนักศึกษาหญิงบางคนอะมือนึงถือหนังสือ 2-3 เล่มเลยนะแต่อีกมือนึงห้อยกระเป๋าสวยๆ บางคนกระเป๋าก็ใหญ่พอที่จะใส่หนังสือได้นะแต่กลับไม่ใส่เห็นยอมถือหนังสือแทนมันดู contrast กันไงไม่รู้กระเป๋าก็มีไว้ให้เราใส่ของเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเป็นภาระแต่ก็ยอมที่จะเมื่อยมือถือหนังสือมันแทน มันกลายเป็นว่าฟังก์ชั่นของกระเป๋ามีความจำเป็นน้อยลงคนไม่อยากเอาของใส่อาจเป็นเพราะว่าต้องการโชว์แค่ความสวยของกระเป๋าหรือไงไม่รู้ เราก็เคยถามพี่เราเหมือนกันเพราะเขาก็ชอบทำอย่างงี้ทำไมไม่เอาหนังสือใส่กระเป๋าไปอะก็เห็นถือกระเป๋าอยู่ทำไมไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ จะถือหนังสือให้เมื่อยทำไม เขาบอกเราว่าพอเอากระเป๋าใส่แล้วมันตุงกระเป๋าแล้วอีกอย่างกลัวหนังสือมันยับด้วย เราก็งงๆอะนะเราว่าใช้มือถือหนังสือไปมาทั้งวันมันน่าจะยับมากกว่าอีก ดูเราเป็นคนยุ่งเรื่องชาวบ้านนะจริงๆก็เรื่องของเขาอะนะเขาจะถือหรือไม่ถือจะไปยุ่งทำไมไม่รู้